วิธีหลีกเลี่ยงมะเร็งปากมดลูกที่ดีที่สุดคือการเข้ารับการตรวจเชื้อ HPV อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งจะทำให้คุณได้ทราบถึงระดับความเสี่ยงของโรคและช่วยให้แพทย์สามารถจัดการและยับยั้งไม่ให้เชื้อโรคเติบโตต่อไป การตรวจพบมะเร็งปากมดลูกตั้งแต่เนิ่นๆ ในระยะก่อนมะเร็งจะช่วยให้การรักษามีประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น และสามารถรักษาชีวิตผู้ป่วยได้
โดยทั่วไป การตรวจหาความเสี่ยงของมะเร็งปากมดลูกทำได้สองวิธีคือ การตรวจภายในด้วยวิธีแปปสเมียร์
(Pap Smear) และการตรวจหาเชื้อ HPV
สตรีทุกคนที่เคยมีเพศสัมพันธ์แม้เพียงครั้งเดียวควรเข้ารับการตรวจคัดกรอง โดยไม่ต้องคำนึงถึงปัจจัยดังต่อไปนี้:
เคยรับวัคซีนป้องกันเชื้อ HPV มาแล้ว
ประวัติเรื่องโรคมะเร็งหรือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์ของคนในครอบครัว
เคยใช้วิธีการคุมกำเนิด
แปปสเมียร์สามารถระบุพบความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบริเวณเซลล์ปากมดลูก จากนั้นจะนำตัวอย่างเซลล์มาส่องด้วยกล้องจุลทรรศน์เพื่อดูว่ามีความผิดปกติหรือไม่6ทั้งนี้ อาจเป็นเวลาหลายปีกว่าที่ความเปลี่ยนแปลงจะแสดงให้เห็นในเซลล์ปากมดลูก
หลายประเทศ แนะนำให้ทำการตรวจแปปสเมียร์ทุกๆ 1-3 ปี
การเก็บตัวอย่างตรวจใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีและมักไม่เจ็บ
แปปสเมียร์คือการเก็บเซลล์พื้นผิวบริเวณปากมดลูกและช่องคลอด
โดยการใช้ก้านสำลีกวาดเก็บเซลล์จากบริเวณปากมดลูกและช่องคลอด
และนำเซลล์เหล่านั้นมาส่องตรวจผ่านกล้องจุลทรรศน์เพื่อหาความผิดปกติ6
การตรวจหาเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูงจะมองหาเชื้อไวรัสก่อนที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์บริเวณปากมดลูก ก่อนที่จะพัฒนาไปเป็นมะเร็ง
การตรวจ HPV ทั่วไปจะบอกได้แค่ว่าคุณมีเชื้อ HPV หรือไม่ แต่การตรวจหาเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูงจะระบุได้อย่างชัดเจนว่าคุณมีเชื้อ HPV16 และ 18 รวมถึงสายพันธุ์อื่นๆ ที่เป็นสาเหตุราว 70% ของโรคมะเร็งปากมดลูกทั้งหมดหรือไม่11
หากผลการตรวจหาเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูงเป็นลบ สามารถเว้นระยะตรวจได้นานอีก 3 ถึง 5 ปี
การตรวจหาเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูงทำเช่นเดียวกับการทำแปปสเมียร์
โดยการเก็บตัวอย่างเซลล์จากบริเวณปากมดลูก เพื่อนำ DNA ของเซลล์เหล่านั้นมาตรวจดูว่ามีเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูง 14 สายพันธุ์ที่อาจก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูกหรือไม่6
การตรวจหาเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูงสามารถทำควบคู่ไปกับการทำแปปสเมียร์ หรือจะแยกทำก็ได้
การเก็บตัวอย่างตรวจใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีและมักไม่เจ็บ
ปรึกษาแพทย์ของคุณวันนี้ เพื่อเข้ารับการตรวจหาเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูงซึ่งไม่ใช่แค่เพื่อให้รู้ว่าคุณมีความเสี่ยงของโรคมะเร็งปากมดลูกหรือไม่ แต่มันยังช่วยให้คุณวางใจได้ด้วยเมื่อคุณไม่มีความเสี่ยง
สตรีอายุระหว่าง 30-65 ปีที่เคยมีเพศสัมพันธ์ควรเข้ารับการตรวจหาเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูง โดยปกติแล้ว ระบบภูมิคุ้มกันทางธรรมชาติของสตรีที่มีอายุต่ำกว่า 30 ปีจะสามารถขับเชื้อ HPV ออกไปได้เอง
การตรวจหาเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูง 14 สายพันธุ์ที่เป็นสาเหตุในกว่า 70% ของโรคมะเร็งปากมดลูกทั้งหมดช่วยให้ผู้หญิงรู้ระดับความเสี่ยงของตนที่จะเกิดโรคมะเร็งปากมดลูก และช่วยให้แพทย์สามารถจัดการและหลีกเลี่ยงไม่ให้โรคร้ายลุกลาม การตรวจพบความผิดปกติตั้งแต่เนิ่นๆ ในระยะก่อนมะเร็งจะช่วยให้การรักษามีประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น และสามารถรักษาชีวิตผู้ป่วยได้
ไม่ต้องตกใจ ผลนั่นไม่ได้หมายความว่าคุณเป็นมะเร็งปากมดลูกแล้ว แพทย์จะให้คำปรึกษาได้ว่าคุณควรทำเช่นไรต่อไป หรือควรมีการตรวจเพิ่มเติมหรือไม่ อย่างไร
การติดเชื้อ HPV ส่วนใหญ่จะไม่แสดงอาการ ไม่เกิดโทษ และระบบภูมิคุ้มกันทางธรรมชาติสามารถขับเชื้อออกไปได้เอง สิ่งสำคัญที่คุณควรต้องเข้าใจก็คือ การได้รับผลบวกว่ามีเชื้อ HPV ไม่ได้หมายความว่าคุณเป็นมะเร็งปากมดลูกแล้วอย่างแน่นอน แต่มันหมายถึงว่าคุณมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคนี้เพิ่มมากขึ้น
หากผลการตรวจเชื้อ HPV ของคุณเป็นลบ หมายความว่า คุณมีความเสี่ยงต่ำที่จะเป็นโรคมะเร็งปากมดลูก9
โดยรวมแล้ว ผลการตรวจเชื้อ HPV สายพันธุ์ความเสี่ยงสูงที่เป็นลบหมายความว่าโอกาสที่จะเกิดเป็นมะเร็งปากมดลูกในช่วงห้าปีหลังการตรวจมีน้อยมาก14 ทั้งนี้ คุณควรเข้ารับการตรวจซ้ำทุกๆ 3-5 ปี ขึ้นอยู่กับคำแนะนำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ดูแลคุณ
แม้ว่าการฉีดวัคซีนป้องกันอาจลดโอกาสการติดเชื้อ HPV แต่มันไม่สามารถป้องกัน HPV ได้ทุกสายพันธุ์ และไม่สามารถคุ้มครองคุณจากเชื้อไวรัสที่คุณมีอยู่แล้วก่อนเข้ารับการฉีดวัคซีน
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้คุณเข้ารับการตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอไม่ว่าคุณจะเคยฉีดวัคซีนมาแล้วหรือไม่ก็ตาม15